เรื่องน่ากังวลใจอย่างหนึ่งของการตั้งครรภ์ที่คุณแม่หลายคนอาจไม่เคยนึกถึง ก็คือ ท้องนอกมดลูก ครับ ภาวะที่เจ้าตัวน้อยของเราไปฝังตัวอยู่ผิดที่ผิดทาง ซึ่งอันตรายมาก ๆ โดยเฉพาะเมื่ออาการเริ่มต้นดันคล้ายกับการแพ้ท้องทั่วไปจนแทบแยกไม่ออก สำหรับใครที่อยากรู้ว่าท้องนอกมดลูกคืออะไร? สาเหตุเกิดจากอะไร? มีวิธีสังเกตอาการหรือต้องดูแลตัวเองยังไงบ้าง? วันนี้หมอจะมาเล่าให้ฟังครับ
สารบัญบทความ
รู้ทัน! ท้องนอกมดลูก คืออะไร
ท้องนอกมดลูก คือ ภาวะที่ตัวอ่อนหลังการปฏิสนธิฝังตัวอยู่นอกโพรงมดลูก โดยตำแหน่งที่พบบ่อยที่สุดคือบริเวณท่อนำไข่ (Fallopian Tube) ซึ่งในทางการแพทย์เรียกว่า Ectopic Pregnancy ครับ เนื่องจากภาวะนี้ ตัวอ่อนไม่สามารถพัฒนาเป็นทารกที่สมบูรณ์ได้ หากปล่อยไว้อาจทำให้ท่อนำไข่แตก เกิดภาวะตกเลือดในช่องท้องอย่างเฉียบพลันและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ดังนั้นหากใครมีอาการที่สงสัยท้องนอกมดลูกควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจโดยเร็วที่สุดครับ
สัญญาณเตือนอาการท้องนอกมดลูก

อาการท้องนอกมดลูกจะมีได้หลายแบบและความรุนแรงจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตัวอ่อนฝังตัวและระยะเวลาที่พบอาการ โดยทั่วไปแล้วคนไข้ที่มีภาวะท้องนอกมดลูกมักจะเริ่มต้นด้วยอาการที่ดูคล้ายการตั้งครรภ์ปกติ แต่จะมีสัญญาณเตือนการท้องนอกมดลูกที่บ่งบอกได้และควรระวัง มาดูกันครับว่ามีอะไรบ้าง
- ปวดท้องน้อย อาจปวดข้างใดข้างหนึ่งหรือปวดทั่วท้องน้อยก็ได้
- มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ โดยเลือดอาจมีปริมาณน้อยกว่ารอบเดือนปกติ
- รู้สึกเวียนศีรษะ หน้ามืด หรือเป็นลม จากภาวะเลือดออกภายใน
- ปวดไหล่หรือปวดคอ ซึ่งเกิดจากเลือดในช่องท้องกระตุ้นเส้นประสาท
- หากมีการแตกของท่อนำไข่จะเข้าสู่ภาวะฉุกเฉิน มีอาการช็อก ความดันต่ำ หายใจเร็ว
การวางแผนตั้งครรภ์อย่างปลอดภัยควรเริ่มจากตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ เพื่อให้แพทย์ซักประวัติและตรวจร่างกาย ประเมินปัจจัยเสี่ยงของคนไข้ว่ามีความเสี่ยงสูงในการเกิดท้องนอกมดลูกหรือไม่ครับ ในคนไข้ที่มีความเสี่ยงสูง แพทย์จะแนะนำให้ตรวจอัลตราซาวนด์ตั้งแต่ทราบว่าตั้งครรภ์เลยครับ เนื่องจากหากตรวจพบเร็วก็จะได้รักษาโดยการใช้ยา ไม่ต้องผ่าตัด
สาเหตุของการท้องนอกมดลูก มีอะไรบ้าง
การท้องนอกมดลูกจะเป็นภาวะที่ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด แต่การรู้สาเหตุของโรคนี้จะช่วยให้เราตรวจพบและดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม สำหรับคุณแม่ที่สงสัยว่าสาเหตุของท้องนอกมดลูกเกิดจากอะไรบ้าง หรือมีปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์อย่างไรบ้าง ลองมาดูสาเหตุหลักๆกันครับ
- พังผืดในท่อนำไข่ (Tubal Adhesions) เกิดจากการอักเสบเรื้อรังหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองในเทียม (Chlamydia) หรือ โรคหนองในแท้ (Gonorrhea) ส่งผลให้ท่อนำไข่ตีบหรืออุดตัน
- ผ่าตัดในอุ้งเชิงกราน (Pelvic Surgery) เช่น การผ่าตัดซีสต์ รังไข่ หรือผ่าคลอด อาจทำให้เกิดพังผืดหรือแผลที่กระทบต่อการเคลื่อนที่ของไข่
- เคยมีประวัติท้องนอกมดลูกมาก่อน สำหรับคนไข้ที่เคยมีภาวะนี้มีโอกาสกลับมาเกิดซ้ำสูงกว่าคนทั่วไป
- การใช้ฮอร์โมนหรือยาบางชนิด เช่น การกระตุ้นไข่ในผู้มีบุตรยากอาจส่งผลให้การเคลื่อนที่ของไข่ผิดปกติ
- อายุของคุณแม่ ถ้าหากคนไข้มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป โอกาสเสี่ยงจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากการทำงานของท่อนำไข่ลดลง
- การทำหมันหรือแก้หมัน ทั้งสองกระบวนการมีโอกาสทำให้ท่อนำไข่ผิดปกติ จนอาจเป็นหนึ่งในคำตอบของสาเหตุท้องนอกมดลูก เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพภายใน
ใครบ้างที่เสี่ยงท้องนอกมดลูก?

เพราะการท้องนอกมดลูกสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคนครับ แต่สำหรับบางคนอาจจะมีโอกาสเสี่ยงมากกว่าคนอื่น โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ครับ
- คนไข้ที่เคยท้องนอกมดลูกมาก่อน อันนี้ถือเป็นความเสี่ยงอันดับหนึ่งเลยครับ
- เคยผ่าตัดที่ท่อนำไข่ เช่น เคยแก้หมัน หรือผ่าตัดรักษาท่อนำไข่ที่อุดตัน
- เคยเป็นอุ้งเชิงกรานอักเสบ (PID) เพราะการอักเสบจากการติดเชื้อ เช่น หนองใน มักจะทิ้งร่องรอยเป็นพังผืดไว้ ทำให้ท่อนำไข่ตีบตันได้ครับ
- เคยใช้ยาคุมฉุกเฉิน หรือคุมกำเนิดด้วยห่วงอนามัย ต้องเข้าใจก่อนว่า ห่วงไม่ได้ทำให้ ท้องนอกมดลูกครับ แต่ถ้าเกิดอาจเกิดกรณีตั้งท้องทั้ง ๆ ที่ใส่ห่วงอยู่ ก็มีโอกาสสูงที่การท้องครั้งนั้นจะเป็นการท้องนอกมดลูกครับ
- มีบุตรยาก หรือทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) เป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษ
- คนที่สูบบุหรี่ เพราะสารนิโคตินในบุหรี่มีผลรบกวนการทำงานของท่อนำไข่ ทำให้ไข่ไม่สามารถเคลื่อนที่ไปตามท่อนำไข่ได้ตามปกติครับ
วิธีการรักษาภาวะท้องนอกมดลูก
การรักษาภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูกมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาชีวิตของผู้ป่วยให้ปลอดภัยเป็นอันดับแรก และพยายามรักษาท่อนำไข่ให้สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้คนไข้ยังสามารถตั้งครรภ์ได้ในอนาคต มาดูว่ามีวิธีการรักษาแบบใดบ้างกันครับ
- การรักษาด้วยยา วิธีนี้เป็นการใช้ยาเคมีบำบัดที่ชื่อว่า เมโธเทรกเซท (Methotrexate – MTX) ซึ่งจะฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ยานี้จะออกฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์ ทำให้เนื้อเยื่อของการตั้งครรภ์ฝ่อและสลายไปเอง โดยร่างกายจะค่อย ๆ ดูดซึมไปจนหมด และต้องมีการเจาะเลือดติดตามระดับฮอร์โมน B-hCG ทุกสัปดาห์จนกว่าจะลดลงสู่ระดับปกติด้วยครับ ซึ่งอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ และในช่วงที่อยู่ระหว่างการรักษาก็มีโอกาสที่ท่อนำไข่จะแตกได้ครับ ซึ่งหากท่อนำไข่แตก คนไข้จะต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉินทันที
- การรักษาด้วยการผ่าตัด โดยมีการผ่าตัดรักษาอาการตั้งครรภ์นอกมดลูก 2 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้ครับ
- การผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopy) เป็นวิธีมาตรฐานในปัจจุบัน แพทย์จะเจาะรูเล็ก ๆ บริเวณหน้าท้อง 1-3 รู แล้วสอดกล้องและเครื่องมือผ่าตัดเข้าไป เพื่อนำชิ้นส่วนของการตั้งครรภ์ออก
- การผ่าตัดเปิดหน้าท้อง (Laparotomy) เป็นการผ่าตัดแบบดั้งเดิม โดยการกรีดแผลขนาดใหญ่ที่หน้าท้องประมาณ 5-10 ซม. ขึ้นกับความยากง่ายในการผ่าตัด จากนั้นนำชิ้นส่วนของการตั้งครรภ์ โดยส่วนใหญ่จะใช้ในกรณีผ่าตัดฉุกเฉินหรือกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดส่องกล้องได้ครับ
ถ้าคนไข้มีภาวะแทรกซ้อน ช็อกจากการเสียเลือดมากจำเป็นจะต้องได้รับสารน้ำและเลือดทดแทนโดยทันทีเพื่อรักษาภาวะช็อก และรีบทำการผ่าตัดหยุดเลือดโดยเร็วที่สุดครับ
การป้องกันและลดความเสี่ยงภาวะท้องนอกมดลูก
จริง ๆ แล้วท้องนอกมดลูกไม่สามารถป้องกันได้โดยตรงครับ แต่เราสามารถลดปัจจัยเสี่ยงที่อาจสร้างความเสียหายต่อท่อนำไข่ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการท้องนอกมดลูกได้ครับ
- ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) โรคอย่างหนองในแท้ (Gonorrhea) หรือหนองในเทียม (Chlamydia) ที่อาจนำไปสู่ ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ (PID) ที่ทำให้ท่อนำไข่เกิดพังผืดและตีบตัน ดังนั้นควรมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยด้วยการใช้ถุงยางอนามัยอยู่เสมอนะครับ และถ้าเป็นไปได้ ในผู้ที่ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเหล่านี้ เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย มีคู่นอนหลายคน หรือคู่นอนมีประวัติเป็นหนองใน เป็นต้น หมอแนะนำว่าควรมีการตรวจคัดกรองการติดเชื้อเหล่านี้อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งครับ
- งดสูบบุหรี่ เพราะสารเคมีในบุหรี่ส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของท่อนำไข่ ทำให้ตัวอ่อนเคลื่อนที่ไปฝังตัวในมดลูกได้ช้าลง เพราะงั้นควรเลิกสูบบุหรี่ให้เด็ดขาดเลยจะดีกับตัวน้อยในอนาคตของเรามากกว่าครับ
- แจ้งประวัติสุขภาพกับแพทย์ หากคุณเคยมีประวัติท้องนอกมดลูก ผ่าตัดช่องท้องหรือท่อนำไข่ เป็นอุ้งเชิงกรานอักเสบ (PID) หรือมีภาวะมีบุตรยาก ควรแจ้งแพทย์เมื่อวางแผนตั้งครรภ์ เพราะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะท้องนอกมดลูกได้ครับ
- หลังตั้งครรภ์ควรสังเกตอาการผิดปกติ หากมีอาการปวดท้องน้อยรุนแรง มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ควรรีบมาพบแพทย์โดยเร็วที่สุดครับ
เมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์แล้ว อย่ารอให้มีอาการแล้วจึงไปหาแพทย์ครับ แต่อยากให้รีบไปฝากครรภ์เพื่อตรวจยืนยันตำแหน่งการตั้งครรภ์ให้เร็วที่สุดกันจะดีกว่าครับ เพื่อเป็นเหมือนเกราะป้องกันที่ดีที่สุดในการตรวจพบและรับมือกับภาวะนี้ได้อย่างทันท่วงทีครับ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการตั้งครรภ์นอกหมดลูก
ท้องนอกมดลูก ท้องโตไหม?
ท้องไม่โตครับ เพราะโดยทั่วไปแล้ว การท้องนอกมดลูกจะไม่ทำให้หน้าท้องขยายใหญ่ขึ้น แต่ก็จะเหมือนการตั้งครรภ์ปกติ ภาวะนี้จะถูกวินิจฉัยและแสดงอาการในช่วงอายุครรภ์น้อยมากครับ คือประมาณ 6-10 สัปดาห์ ซึ่งในระยะนี้หน้าท้องยังไม่ขยายใหญ่จนเห็นได้ชัดครับ
ท้องนอกมดลูก เก็บไว้ได้หรือไม่ ?
ไม่สามารถเก็บไว้ได้ครับ และถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องรีบทำการรักษาโดยเร็วที่สุดการท้องนอกมดลูกไม่สามารถดำเนินต่อไปจนครบกำหนดคลอดได้ และไม่สามารถเก็บลูกในครรภ์ไว้ได้
วางแผนตั้งครรภ์ให้ปลอดภัย ลดความกังวลเรื่อง ท้องนอกมดลูก
อ่านเรื่องท้องนอกมดลูกจบแล้ว อย่าเพิ่งกังวลใจไปครับ เราเข้าใจดีว่าเรื่องสุขภาพของคุณผู้หญิงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่การมีคุณหมอที่ไว้ใจได้คอยดูแลอยู่ข้าง ๆ คือสิ่งที่ดีที่สุดครับ
ทีมสูตินรีแพทย์ของเราพร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคุณในทุกย่างก้าวครับ สำหรับสาว ๆ ที่กำลัง วางแผนมีน้อง ลองมาเช็กร่างกายให้พร้อมก่อนดีกว่า จะได้สบายใจหายห่วง ลดความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้และที่ ธนวรรธน์ คลินิก เรามีบริการตรวจสุขภาพก่อนแต่งงานและเตรียมพร้อมก่อนมีบุตร มาดูกันว่าร่างกายเราพร้อมแค่ไหน มีอะไรต้องดูแลเป็นพิเศษไหม คุณหมอจะช่วยแนะนำให้ครับ
หรือสำหรับคนที่เห็นสองขีดแล้ว รู้ว่าท้องปุ๊บ สิ่งแรกที่อยากให้ทำคือรีบมาหาคุณหมอเพื่อฝากครรภ์เลยครับ คุณหมอจะช่วยอัลตราซาวนด์ดูให้ชัวร์ ว่าเจ้าตัวน้อยของเราไปฝังตัวอยู่ในมดลูกอย่างปลอดภัย ถูกที่ถูกทาง การได้เห็นถึงการตั้งครรภ์ในตำแหน่งที่ถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นอะไรที่ช่วยให้เราใจชื้นขึ้นเยอะเลยครับ
ไม่ต้องเก็บความกังวลไว้คนเดียวครับ มีคำถามหรือข้อสงสัยอะไร แวะเข้ามาคุยกับคุณหมอของเราได้เสมอครับ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
- Facebook : Thanawat Clinic
- Line : @thanawatclinic
- Tel : 095-056-6446