เจาะเลือดตรวจครรภ์ รู้ผลชัด แม่นยำกว่าชุดตรวจทั่วไป

เจาะเลือดตรวจครรภ์

เมื่อสงสัยว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ หลายคนอาจรีบไปซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์ที่ตรวจจากปัสสาวะ แม้ว่าชุดตรวจเหล่านี้จะสะดวก แต่ผลที่ได้อาจไม่แม่นยำ โดยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ช่วงเวลาที่ทำการตรวจ ระยะเวลาในการจุ่มชุดตรวจที่รอนานเกินไป รวมไปถึงความหลากหลายของคุณภาพชุดตรวจแต่ละยี่ห้ออาจแตกต่างกัน เป็นต้น ผลลัพธ์จากการตรวจการตั้งครรภ์รูปแบบนี้ จึงไม่แม่นยำเท่าการเจาะเลือดตรวจครรภ์ครับ

เจาะเลือดตรวจครรภ์ เป็นวิธีที่น่าเชื่อถือที่สุดในการยืนยันการตั้งครรภ์ เพราะให้ผลที่แน่นอนกว่า และสามารถตรวจพบได้เร็วกว่าการตรวจปัสสาวะทั่วไปมาก ดังนั้นถ้าต้องการผลตรวจที่แน่นอน การเจาะเลือดตรวจครรภ์คือคำตอบที่ดีที่สุดครับ



การเจาะเลือดตรวจครรภ์คืออะไร?

ตรวจเลือดหาการตั้งครรภ์

การรวจเลือดหาการตั้งครรภ์ หรือที่เรียกว่า Quantitative Beta-hCG Test คือการตรวจการตั้งครรภ์ด้วยการวัดระดับฮอร์โมน Human Chorionic Gonadotropin (hCG) ในเลือดของคนไข้ครับ 

ฮอร์โมน hCG ถูกผลิตขึ้นจากเซลล์ของรก (Trophoblast Cells) ทันทีที่ตัวอ่อนฝังตัวเข้ากับเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งโดยปกติจะเกิดขึ้นประมาณ 6 ถึง 12 วันหลังจากการปฏิสนธิ ฮอร์โมนตัวนี้มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นให้รังไข่สร้างฮอร์โมนอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับคุณแม่และตัวอ่อน ในระหว่างตั้งครรภ์จะมีฮอร์โมน hCG เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วง 1-3 เดือนแรก หากตรวจพบฮอร์โมน Beta-hCG มากกว่า 25 mIU/mL ในเลือด จะช่วยยืนยันว่าคนไข้กำลังตั้งครรภ์อยู่ครับ

แม้ว่าชุดตรวจครรภ์ 2 ขีดด้วยปัสสาวะ จะตรวจหาฮอร์โมน hCG เช่นกัน แต่การตรวจครรภ์ทั้งสองวิธีจะแตกต่างกันดังนี้ครับ

  • การตรวจปัสสาวะ : เป็นการตรวจที่บอกได้แค่ว่ามี hCG หรือไม่ ซึ่งปกติจะเริ่มตรวจพบได้เมื่อระดับฮอร์โมนสูงพอสมควร ประมาณ 25 – 50 mIU/mL หรือช่วง 12 – 14 วันหลังการปฏิสนธิ เหมาะกับการใช้คัดกรองเบื้องต้น เพราะผลลัพธ์มีโอกาสคลาดเคลื่อนจากปัจจัยอื่น ๆ มากกว่าการเจาะเลือดตรวจครรภ์ เช่น ระดับฮอร์โมนในปัสสาวะน้อยเกินไป ช่วงเวลาที่ตรวจ เกิดข้อผิดพลาดระหว่างเก็บปัสสาวะ เป็นต้น
  • การเจาะเลือดตรวจครรภ์ : สามารถวัดระดับ hCG ได้อย่างแม่นยำโดยระบุเป็นตัวเลข และสามารถตรวจในช่วง 6 – 12 วันหลังปฏิสนธิ ทำให้สามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้เร็วกว่ามาก มีความแม่นยำสูงกว่า และในบางกรณีที่คนไข้มีอาการผิดปกติ เช่น มีเลือดออกในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสแรก การเจาะเลือดตรวจระดับฮอร์โมน Beta-hCG เป็นข้อมูลที่ช่วยให้แพทย์ใช้ในการวินิจฉัยความผิดปกติ เช่น ท้องนอกมดลูกหรือภาวะแท้งได้ด้วยครับ ดังนั้น การตรวจเลือดตั้งครรภ์จึงเป็นทางเลือกที่แพทย์มักแนะนำ เพื่อยืนยันผลการตรวจอย่างเป็นทางการครับ

การเจาะเลือดตรวจครรภ์แม่นยำแค่ไหน? 

สำหรับคำถามที่ว่าเจาะเลือดตรวจครรภ์ ชัวร์ไหม คำตอบคือ ‘ชัวร์’ แน่นอนครับ เมื่อเทียบกับการตรวจปัสสาวะ การตรวจครรภ์แบบเจาะเลือดจะมีความแม่นยำเกือบ 100% ใช้ยืนยันว่าคนไข้ตั้งครรภ์หรือไม่ครับ

เหตุผลคือห้องปฏิบัติการที่ตรวจเลือด จะมีเครื่องมือที่สามารถวัดระดับฮอร์โมน hCG ในเลือดได้ละเอียดกว่าชุดตรวจที่คนไข้ซื้อมาตรวจเองครับ ทำให้โอกาสเกิดความผิดพลาดต่ำมาก แม้จะตรวจในช่วงที่การตั้งครรภ์ยังอยู่ในระยะเริ่มต้นครับ

และด้วยเครื่องมือที่แม่นยำนี้ ระยะเวลาที่ใช้ในการตรวจและรอผลจากเจาะเลือดตรวจครรภ์ ก็ใช้เวลาไม่นานเลยครับ

  • ระยะเวลาการตรวจ : การเก็บตัวอย่างเลือดใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นครับ
  • ระยะเวลาการรอผล : ระยะเวลาการรอผลตรวจเลือดขึ้นอยู่กับแต่ละสถานพยาบาลครับ ส่วนใหญ่มักจะทราบผลภายใน 24 ชั่วโมง

ค่า hCG จากผลตรวจเลือดบอกอะไรได้บ้าง?

หลังจากเจาะเลือดตรวจครรภ์ ค่า hCG ที่วัดได้จะเป็นหน่วย mIU/mL และมีปริมาณแตกต่างกันไปตามระยะการตั้งครรภ์ โดยวิธีการอ่านค่า hCG เบื้องต้น สามารถทำได้ดังนี้ครับ

  • ไม่ตั้งครรภ์ : โดยทั่วไปจะมีค่า hCG น้อยกว่า 5 mIU/mL
  • ตั้งครรภ์ : โดยทั่วไปจะมีค่ามากกว่า 25 mIU/mL
  • ตั้งครรภ์ช่วง 1-3 สัปดาห์แรก : ค่าจะอยู่ในช่วง 5 ถึง 50 mIU/mL
  • การตั้งครรภ์ช่วง 4 สัปดาห์ : ค่าจะอยู่ในช่วง 5 ถึง 426 mIU/mL
  • การตั้งครรภ์ช่วง 5 สัปดาห์ : ค่าจะอยู่ในช่วง 18 ถึง 7,340 mIU/mL
  • การตั้งครรภ์ช่วง 6 สัปดาห์ : ค่าจะอยู่ในช่วง 1,080 ถึง 56,500 mIU/mL
  • การตั้งครรภ์ช่วง 9 – 12 สัปดาห์ : ค่าจะอยู่ในช่วง 25,700 ถึง 288,000 mIU/mL
  • การตั้งครรภ์ช่วง 13 – 16 สัปดาห์ : ค่าจะอยู่ในช่วง 13,300 ถึง 254,000 mIU/mL และหลังจากนั้นค่า hCG จะค่อย ๆ ลดลง ระดับคงที่มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ควรติดตามผลของการเจาะเลือดตรวจครรภ์สม่ำเสมอครับ โดยทั่วไปเมื่อตั้งครรภ์ ค่าฮอร์โมน hCG ควรจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ทุก ๆ 48 ถึง 72 ชั่วโมง ในช่วงไตรมาสแรก หากค่า hCG ไม่เพิ่มขึ้นตามที่ควรจะเป็น หรือเพิ่มขึ้นช้าผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณความผิดปกติขณะตั้งครรภ์ เช่น ท้องลม ท้องนอกมดลูก เป็นต้น

หรือหากคุณแม่ตั้งครรภ์ลูกแฝดก็อาจมีค่า hCG ที่สูงกว่าตั้งครรภ์เดี่ยวครับ


ผลเจาะเลือดฝากครรภ์สามารถบอกอะไรได้บ้าง? รอผลนานไหม? 

หลังจากที่ทราบผลเจาะเลือดตรวจครรภ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญที่สุดคือการเข้ารับบริการฝากครรภ์ครับ คนไข้ควรพิจารณาเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีสูตินรีแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ

ในการนัดฝากครรภ์ครั้งแรก คุณหมอจะมีการเจาะเลือดฝากครรภ์ เพื่อประเมินสุขภาพโดยรวมของคุณแม่ ซึ่งจะช่วยป้องกันและตรวจดูภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ได้ครับ

มีรายการดังนี้

  • การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (Complete Blood Count หรือ CBC) : ตรวจระดับความเข้มข้นของเลือด โดยดูทั้งเม็ดเลือดแดง เกล็ดเลือด และเม็ดเลือดขาว ช่วยคัดกรองภาวะโลหิตจาง (Anemia) ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพของคุณแม่และพัฒนาการของทารกในครรภ์
  • การตรวจหมู่เลือด (ABO and Rh blood group} : หมู่เลือดของคุณแม่และทารกในครรภ์มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากมีหมู่เลือด Rh ที่แตกต่างกัน อาจทำให้คุณแม่ประสบปัญหา Rhesus Incompatibility สร้างแอนติบอดีทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงของทารก ทำให้ทารกเกิดภาวะซีดแบบรุนแรงและอันตรายได้ครับ
  • การตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Diseases หรือ STDs) :
    • ซิฟิลิส (Syphilis) : ตรวจ Treponemal antibody หากพบว่าคุณแม่มีการติดเชื้อซิฟิลิส แพทย์จะต้องรีบทำการรักษาเพื่อป้องกันการส่งผ่านเชื้อไปให้ทารกในครรภ์ครับ
    • ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) : หากคุณแม่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบี จะต้องมีการให้วัคซีนและอิมมูโนโกลบูลิน (Immunoglobulin Hepatitis B : HBIG) แก่ทารกในช่วงแรกเกิดครับ
    • เอชไอวี (HIV) : หากตรวจพบว่าคุณแม่ติดเชื้อ HIV จะต้องมีการปรึกษาคุณหมออายุรกรรมโรคติดเชื้อเพื่อให้ยาต้านไวรัสแก่คุณแม่ ช่วยป้องกันไม่ให้ทารกในครรภ์ติดเชื้อได้ครับ และต้องมีการเจาะเลือดตรวจคุณพ่อเพิ่มเติมด้วย
  • การตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรม (Genetic Screening) :
    • ธาลัสซีเมีย (Thalassemia) : เป็นโรคโลหิตจางทางพันธุกรรมที่พบบ่อยในคนไทย กรณีที่ตรวจพบว่าคุณแม่เป็นพาหะโรคธาลัสซีเมีย จะต้องมีการตรวจเลือดคุณพ่อเพิ่มด้วยครับ หากทั้งคุณแม่และคุณพ่อเป็นพาหะธาลัสซีเมียชนิดที่เข้าคู่กันแล้วทำให้ทารกเสี่ยงเป็นโรคธาลัสซีเมียแบบรุนแรง แบบนี้คุณหมอจะแนะนำให้ทำการตรวจวินิจฉัยทารก เช่น เจาะตรวจน้ำคร่ำหรือเจาะเลือดสายสะดือ เป็นต้น
  • การตรวจเบาหวานตอนท้อง ( 50 gm Glucose Challenge Test) : เพื่อคัดกรองโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes)

สำหรับการตรวจเลือดทั้งหมดนี้ อาจใช้เวลาทราบผลประมาณ 3 ถึง 7 วัน ขึ้นอยู่กับชนิดของการตรวจและขั้นตอนของห้องปฏิบัติการครับ

ในระหว่างที่รอผลเจาะเลือดตรวจครรภ์ หมอจะทำการตรวจอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) เพื่อยืนยันอายุครรภ์และตำแหน่งการตั้งครรภ์ควบคู่กันไปครับ ซึ่งจะใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนการดูแลครรภ์ต่อไปครับ


เจาะเลือดตรวจครรภ์ กับ Thanawat Clinic โดยสูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

การเจาะเลือดตรวจครรภ์ คือการเริ่มต้นดูแลทารกในครรภ์ที่มีประสิทธิภาพสูง เพราะการเจาะเลือดตรวจครรภ์เป็นการยืนยันและทำให้ทราบว่าตั้งครรภ์ได้เร็วที่สุด ช่วยให้คุณแม่เริ่มวางแผนดูแลตัวเองและมาพบแพทย์ฝากครรภ์ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

สำหรับคุณแม่ที่กำลังสงสัยว่าจะเลือกคลินิกตรวจครรภ์ และฝากครรภ์ที่ไหนดี คลินิกของเราพร้อมให้บริการตรวจเลือดตั้งครรภ์ ราคาสมเหตุสมผล พร้อมโปรแกรมฝากครรภ์จากทีมสูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญครับ เราใช้ห้องปฏิบัติการที่มีมาตรฐานสูง เพื่อให้ผลเจาะเลือดตรวจครรภ์แม่นยำทราบผลได้รวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง แจ้งผลออนไลน์ คนไข้จะได้รับการดูแลและให้คำปรึกษาโดยสูตินรีแพทย์ผู้มีประสบการณ์โดยตรงในทุกขั้นตอน

นอกจากนี้ บริการที่ ธนวรรธน์ คลินิก ของเรายังครอบคลุมตั้งแต่ตรวจเลือดตั้งครรภ์ ไปจนถึงบริการฝากครรภ์ ราคาดี พร้อมดูแลครรภ์ตลอดระยะเวลา 9 เดือน 

สอบถามค่าตรวจเลือดตั้งครรภ์ ข้อมูลอื่น ๆ เพิ่มเติม หรือนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการเจาะเลือดตรวจครรภ์ได้ที่


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยเรื่องตรวจเลือดตั้งครรภ์ หมอรวบรวมคำถามที่พบบ่อยมาให้ดังนี้ครับ

ต้องงดอาหารก่อนเจาะเลือดตรวจครรภ์หรือไม่

ไม่จำเป็นต้องงดอาหารก่อนการเจาะเลือดตรวจครรภ์เพื่อวัดระดับฮอร์โมน hCG ครับ การรับประทานอาหารไม่ได้ส่งผลต่อระดับฮอร์โมนที่บ่งชี้การตั้งครรภ์ครับ 

อย่างไรก็ตาม หากคนไข้ต้องมีการตรวจเลือดอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ก็อาจจำเป็นต้องงดอาหาร 8 – 12 ชั่วโมง ซึ่งแพทย์จะแจ้งให้คนไข้ทราบล่วงหน้าครับ

ตรวจเลือดตั้งครรภ์สามารถทำได้เร็วแค่ไหนหลังมีเพศสัมพันธ์

การเจาะเลือดตรวจครรภ์ สามารถทำได้เร็วที่สุดประมาณ 10 วัน หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ เนื่องจากเป็นการตรวจครรภ์แบบเจาะเลือดที่มีความแม่นยำสูง สามารถวัดระดับ hCG แม้จะมีระดับต่ำมาก ๆ ก็ตามครับ


References 

HCG blood test – quantitative. (n.d.). Retrieved from https://www.mountsinai.org/health-library/tests/hcg-blood-test-quantitative

Wu, B. (2018). What Is the Human Chorionic Gonadotropin (hCG) Blood Test?. Retrieved from https://www.healthline.com/health/hcg-blood-test-quantitative

Beta hCG Test – Purpose, Procedure, Results Interpretation, Normal Values and more. (n.d.). Retrieved from https://www.apollohospitals.com/diagnostics-investigations/beta-hcg-test

เราให้ความสำคัญถึงความเป็นส่วนตัวของคุณ ข้อมูลของคุณจะถูกเก็บเพื่อใช้ในบริการทางการแพทย์ของคลินิกเท่านั้น โปรดกดปุ่ม accept เพื่อยอมรับเงื่อนไขตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ PDPA