สาว ๆ หลายคนที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ น้ำหนักขึ้นง่ายทั้งที่กินเท่าเดิม หรือมีสิวขึ้นมากกว่าปกติจนเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของเราเปลี่ยนไป อาการเหล่านี้อาจดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับผู้หญิงแล้วนี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรค PCOS ซึ่งหลายคนอาจยังไม่รู้ว่า PCOS คือปัญหาสุขภาพที่ผู้หญิงควรให้ความสำคัญอย่างมาก
ในบทความนี้ หมอจะมาอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับโรค PCOS ให้รู้จักกันว่า PCOS คือโรคอะไร เกิดจากสาเหตุใด มีวิธีรักษาและวิธีป้องกันอย่างไรบ้าง เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนได้เช็กสุขภาพตัวเอง และดูแลสุขภาพได้อย่างตรงจุดครับ
สารบัญบทความ
PCOS คืออะไร?
PCOS คือ ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า Polycystic Ovary Syndrome เป็นความผิดปกติของระบบฮอร์โมนที่ส่งผลต่อการทำงานของรังไข่ ทำให้ไข่ไม่ตกตามรอบปกติ หรือไข่ไม่เจริญเต็มที่ ส่งผลให้มีถุงน้ำเล็ก ๆ จำนวนมากเกิดขึ้นบริเวณรังไข่
ภาวะนี้มักจะพบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ครับ โดยเฉพาะช่วงอายุ 20-40 ปี และสามารถส่งผลกระทบได้หลายด้าน เช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ, มีปัญหาสิว, ผมร่วง, น้ำหนักขึ้นง่าย หรือแม้แต่ภาวะมีบุตรยากถ้าหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
สาเหตุการเกิด PCOS มาจากอะไร?
หลายคนอาจสงสัยว่า โรค PCOS เกิดจากอะไร? ถึงแม้ปัจจุบันจะยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดของภาวะนี้ได้ 100% แต่จากข้อมูลทางการแพทย์พบว่า PCOS คือความผิดปกติที่เกิดจากหลายปัจจัยร่วมกันครับ ทั้งทางพันธุกรรม ฮอร์โมน และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ความเครียด การนอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ ภาวะอ้วน เป็นต้น ซึ่งล้วนมีผลต่อการทำงานของรังไข่และระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง โดยสาเหตุหลักที่เชื่อมโยงกับการเกิด PCOS ได้แก่
- ฮอร์โมนแอนโดรเจนสูงกว่าปกติ (Hyperandrogenism) : ผู้หญิงที่เป็นโรค PCOS มักมีระดับฮอร์โมนเพศชาย (แอนโดรเจน) สูงกว่าค่าเฉลี่ย ส่งผลให้ไข่ไม่ตกตามรอบเดือน และเกิดถุงน้ำเล็ก ๆ ในรังไข่
- ภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance) : อินซูลินในร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนโดรเจนมากขึ้นตามไปด้วย
- พันธุกรรม : หากในครอบครัวมีผู้หญิงที่เคยเป็น PCOS เช่น คุณแม่หรือพี่สาว ก็อาจมีโอกาสที่ตัวเองจะเสี่ยงเป็นโรค PCOS ได้สูงกว่าคนทั่วไปด้วย
- น้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน : สาเหตุนี้มีส่วนสัมพันธ์กับภาวะดื้อต่ออินซูลินและอาจทำให้ความรุนแรงของอาการ PCOS เพิ่มขึ้น ดังนั้นในคนที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ หากลดน้ำหนักลงได้อย่างน้อย 10% ก็จะช่วยให้ PCOS ดีขึ้นได้
เมื่อปัจจัยเหล่านี้รวมกัน ก็อาจทำให้วงจรฮอร์โมนในร่างกายเสียสมดุล จนพัฒนาไปสู่ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ หรือ PCOS ได้ในที่สุดครับ
PCOS มีอาการเป็นอย่างไร?

ผู้หญิงหลายคนอาจไม่รู้ตัวว่าเคยมีอาการของภาวะนี้มาก่อน เพราะในช่วงแรก PCOS คือภาวะที่อาจไม่มีสัญญาณเตือนชัดเจน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายจะเริ่มส่งสัญญาณบางอย่างออกมาให้เราสังเกตได้ หากใส่ใจตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะสามารถรับมือและดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม ซึ่งอาการที่พบบ่อยในผู้หญิงที่มีภาวะ PCOS มีดังนี้ครับ
- ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เช่น มาช้าหลายเดือน หรือขาดหายไปนานโดยไม่มีสาเหตุ หรือในคนที่เป็น PCOS เรื้อรังมานานอาจทำให้มีเลือดออกกะปริบกะปรอยได้
- มีสิวเรื้อรังหรือสิวอักเสบ โดยเฉพาะบริเวณคาง กราม หรือหลัง
- ขนขึ้นผิดปกติ ตามใบหน้า หน้าอก หรือท้องล่าง (ภาวะขนดก)
- ผมบาง ผมร่วง โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ
- น้ำหนักขึ้นง่าย หรือมีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง แม้จะควบคุมอาหารแล้ว
- มีปัญหาในการตั้งครรภ์ เนื่องจากไข่ไม่ตกตามรอบเดือน
ซึ่งอาการเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคนนะครับ บางคนอาจมีเพียง 1-2 อาการ ในขณะที่บางคนอาจมีครบหลายข้อ การสังเกตตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าหากสงสัยว่าตัวเองอาจเป็นโรค PCOS หมอแนะนำให้เข้ารับการตรวจร่างกาย หรือปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินอย่างละเอียดทันทีครับ
ความเสี่ยงที่อาจเกิดจาก PCOS มีอะไรบ้าง?
อย่างที่หมออธิบายในหัวข้อข้างต้น แม้ว่าในช่วงแรก PCOS คือภาวะที่อาจดูเหมือนไม่อันตราย แต่ถ้าหากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา ก็อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่กระทบทั้งสุขภาพกายและใจได้ในระยะยาว โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องการวางแผนชีวิตและต้องการมีลูกในอนาคต ซึ่งความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากภาวะ PCOS หรือถุงน้ําในรังไข่หลายใบ มีดังนี้
- ภาวะมีบุตรยาก : เนื่องจากการตกไข่ไม่สม่ำเสมอ หรือไม่มีการตกไข่เลยในบางรอบเดือน
- ความผิดปกติของเยื่อบุโพรงมดลูก : เพิ่มความเสี่ยงของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว หรือในบางรายอาจเสี่ยงมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
- เบาหวานชนิดที่ 2 : โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะดื้อต่ออินซูลินร่วมด้วย
- โรคหัวใจและหลอดเลือด : เช่น ความดันโลหิตสูงหรือไขมันในเลือดผิดปกติ
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) : พบได้บ่อยในผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน
- ปัญหาทางอารมณ์ : เช่น ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล หรือมองภาพลักษณ์ตนเองผิดเพี้ยน (Body Image Issue)
วิธีการรักษา PCOS มีอะไรบ้าง?

อย่างที่รู้กันแล้วว่า PCOS คือภาวะที่ส่งผลต่อทั้งฮอร์โมน รอบเดือน และสุขภาพระยะยาว คำถามต่อมาที่หลายคนมักสงสัยคือ “แล้ว PCOS รักษายังไง จะรักษาได้ไหม?” คำตอบคือ รักษาได้ครับ แต่จะไม่ได้ใช้วิธีเดียวกันทุกคน เพราะแนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับอาการ ความรุนแรง และเป้าหมายของแต่ละคน เช่น ต้องการตั้งครรภ์หรือไม่ ซึ่งแนวทางการรักษา PCOS ที่แพทย์มักใช้มีดังนี้
- ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต : ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และเลือกกินอาหารที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการกินอาหารแปรรูป อาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน ลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน และลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน
- การใช้ยา : เช่น ยาคุมกำเนิด (ช่วยปรับรอบเดือน ลดสิว และลดขนดก), ยากระตุ้นไข่ตก เช่น Clomiphene หรือ Letrozole ในกรณีที่ต้องการมีบุตร, ยาลดระดับอินซูลิน เช่น Metformin ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและภาวะดื้อต่ออินซูลิน
- การดูแลร่วมกับแพทย์เฉพาะทาง : เช่น สูตินรีแพทย์, นักโภชนาการ หรือแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย เพื่อออกแบบการดูแลเฉพาะบุคคลอย่างเหมาะสม
แม้ว่า PCOS หรือภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ จะไม่ใช่โรคที่รักษาให้หายขาดได้ในทันที แต่ถ้าหากได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง คนไข้ส่วนใหญ่ก็จะสามารถกลับมามีรอบเดือนปกติ ผิวดีขึ้น น้ำหนักลดลง และวางแผนการตั้งครรภ์ได้ในที่สุดครับ
วิธีป้องกัน PCOS ทำอย่างไรได้บ้าง?
แม้ว่า PCOS คือภาวะฮอร์โมนผิดปกติที่มีปัจจัยทางพันธุกรรมและฮอร์โมนร่วมด้วย แต่การดูแลสุขภาพและปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงและบรรเทาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยวิธีป้องกันโรค PCOS ที่หมอแนะนำมีดังนี้
- รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดน้ำตาลและอาหารแปรรูป รวมถึงหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์
- ตรวจอัลตราซาวนด์รังไข่ เพื่อประเมินจำนวนและลักษณะถุงน้ำรังไข่ ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยวินิจฉัย PCOS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- หลีกเลี่ยงความเครียดจัด เพราะความเครียดสามารถกระทบต่อฮอร์โมนและรอบเดือน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อปรับระบบฮอร์โมนให้ทำงานได้อย่างสมดุล
- หากมีอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและรักษาแต่เนิ่น ๆ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ PCOS
PCOS อันตรายแค่ไหน?
หลายคนที่สงสัยว่า PCOS อันตรายไหม น่ากลัวมากแค่ไหน? อย่างที่หมออธิบายไปว่า PCOS คือภาวะฮอร์โมนผิดปกติที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งถ้าหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ก็อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ซับซ้อนได้ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว, มีบุตรยาก, โรคเบาหวานชนิดที่ 2 , ความดันโลหิตสูง รวมถึงมีปัญหาผิวพรรณและอารมณ์
แต่ข่าวดีก็คือ หากตรวจพบ PCOS หรือถุงน้ำรังไข่หลายใบตั้งแต่ระยะแรกและดูแลด้วยวิธีที่เหมาะสม ก็จะสามารถควบคุมอาการและลดความเสี่ยงได้ครับ
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรค PCOS ?
การวินิจฉัยว่าเป็น PCOS หรือภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบหรือไม่ ต้องอาศัยการประเมินจากแพทย์ครับ ซึ่งจะพิจารณาจากประวัติอาการ เช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ, ขนดก หรือมีสิวเรื้อรัง
นอกจากนี้จะมีการตรวจร่างกายและอัลตราซาวนด์มดลูกรังไข่เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคนี้ได้อย่างแม่นยำครับ ส่วนการเจาะเลือดตรวจระดับฮอร์โมนจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ว่ามีข้อบ่งชี้ต้องตรวจหรือไม่ครับ
ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นโรค PCOS?
ผู้ที่เสี่ยงเป็น PCOS คือ ผู้หญิงที่มีประวัติครอบครัวเป็น PCOS หรือมีญาติสายตรงที่เคยเป็น ซึ่งจะมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป
นอกจากนี้ ผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกิน หรือมีภาวะดื้อต่ออินซูลินก็เสี่ยงเป็น PCOS ได้มากขึ้นเช่นกัน รวมถึงผู้ที่มีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือมีปัญหาผิวพรรณผิดปกติ ก็ควรเฝ้าระวังและปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินเพิ่มเติมครับ
PCOS คือปัญหาสุขภาพผู้หญิงที่ควรใส่ใจและไม่ควรมองข้าม
PCOS คือภาวะฮอร์โมนผิดปกติที่ส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้หญิงหลายคนเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากได้รับการดูแลและวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนในอนาคตไปได้ ซึ่งการตรวจอัลตราซาวนด์ เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การตรวจวินิจฉัย PCOS มีความประสิทธิภาพมากขึ้นครับ
หากคนไข้กำลังมองหาสถานที่ตรวจอัลตราซาวนด์รังไข่ หรือต้องการปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม ธนวรรธน์ คลินิก เรามีทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญพร้อมให้บริการ ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและการดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยให้คนไข้สามารถวางแผนดูแลสุขภาพได้อย่างมั่นใจและเหมาะสมกับตัวเองที่สุด เพราะฉะนั้นอย่าปล่อยให้ปัญหาสุขภาพเป็นเรื่องไกลตัวนะครับ หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติสามารถแอดไลน์คลินิกเพื่อปรึกษาหรือแจ้งจองคิวกับแอดมินได้เลยครับ
ช่องทางการติดต่อ
- Facebook : Thanawat Clinic
- Line : @thanawatclinic
- Tel : 095-056-6446