เลือดออกทางช่องคลอด สัญญาณเตือนที่ควรใส่ใจ รีบรักษาก่อนรุนแรง

เลือดออกทางช่องคลอด

ปัญหาสุขภาพสตรีเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยเฉพาะอาการเลือดออกทางช่องคลอด ไม่ว่าจะมีเลือดออกมากหรือน้อย หากเกิดขึ้นผิดเวลาหรือผิดไปจากรอบเดือนเดิม นั่นอาจหมายถึงความผิดปกติของระบบภายในที่ซ่อนอยู่ บทความนี้หมอจะพาไปเจาะลึกถึงสาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษาภาวะเลือดออกทางช่องคลอด เพื่อให้รู้เท่าทันโรคและดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้องครับ



เลือดออกผิดปกติเป็นแบบไหน? แบ่งออกเป็นกี่ลักษณะ?

มีเลือดออกทางช่องคลอด

ภาวะเลือดออกทางช่องคลอดที่ผิดปกติ (Abnormal Vaginal Bleeding) หมายถึงการมีเลือดไหลออกจากช่องคลอดในช่วงเวลาที่ไม่สอดคล้องกับรอบเดือนปกติ เช่น เลือดออกหลังวัยหมดประจำเดือน, เลือดออกทางช่องคลอดก่อนวัยมีประจำเดือน, เลือดออกระหว่างรอบเดือน, เลือดออกระหว่างตั้งครรภ์ เป็นต้น อาการเหล่านี้มักสะท้อนให้เห็นถึงความผิดปกติของฮอร์โมน หรือโรคบางชนิดที่อาจเป็นอันตราย คนไข้เข้ารับการตรวจเพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างเหมาะสมครับ


เลือดออกทางช่องคลอด มีสัญญาณและอาการที่ควรสังเกตอะไรบ้าง?

ภาวะเลือดออกทางช่องคลอดที่ผิดปกติ มักไม่ได้มีแค่อาการเลือดออกเพียงอย่างเดียว แต่มักมีอาการอื่นร่วมด้วย ดังนี้

อาการร่วม

  • ปวดท้องน้อย หรือปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน
  • ประจำเดือนมามากกว่าปกติ
  • มีไข้ อ่อนเพลีย
  • ภาวะซีดผิดปกติ หน้ามืด เวียนศีรษะง่าย

อาการที่เข้าข่ายอันตรายควรมาพบแพทย์

  • เลือดออกทางช่องคลอดในปริมาณมาก จนชุ่มผ้าอนามัย 1 แผ่นภายใน 2 ชั่วโมง หรือเป็นติดต่อกันนานเกิน 1 สัปดาห์
  • สตรีวัยหมดประจำเดือน แต่มีเลือดออกทางช่องคลอด
  • มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ มีลิ่มเลือดมาก
  • มีภาวะโลหิตจาง หน้ามืด เป็นลม 
  • สตรีตั้งครรภ์ที่มีเลือดออกทางช่องคลอด อาจเป็นสัญญาณของภาวะแท้งคุกคาม 

เลือดออกทางช่องคลอดมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง?

สาเหตุที่พบในวัยเจริญพันธุ์

สาเหตุเลือดออกทางช่องคลอดในวัยเจริญพันธุ์ มักเกิดจากภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ เช่น การแท้งหรือท้องนอกมดลูก รวมถึงความแปรปรวนของฮอร์โมนจากความเครียดที่ทำให้รอบเดือนผิดปกติ นอกจากนี้การติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ก็อาจเป็นสาเหตุให้มีเลือดออกทางช่องคลอดได้ครับ

สาเหตุในสตรีวัยใกล้หมดประจำเดือนและวัยหมดประจำเดือน

เมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง จะเกิดภาวะช่องคลอดแห้งฝ่อ ทำให้ผนังบางและฉีกขาดจนมีเลือดออกทางช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์ได้ง่าย อีกทั้งยังต้องระวังภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ ดังนั้นหากมีเลือดออกจากช่องคลอดหลังวัยหมดประจำเดือนควรรีบพบแพทย์ทันทีครับ

สาเหตุจากความผิดปกติของมดลูก / รังไข่ / ฮอร์โมน

เลือดออกทางช่องคลอด อาจมีสาเหตุจากการมีเนื้องอกมดลูกและติ่งเนื้อในโพรงมดลูก ซึ่งมักทำให้มีเลือดไหลออกจากช่องคลอด แต่ไม่ใช่ประจําเดือน ร่วมกับอาการปวดท้อง และยังอาจเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนที่ทำให้ไข่ไม่ตกเรื้อรัง จนเยื่อบุโพรงมดลูกหลุดลอกออกมาเป็นเลือดกะปริดกะปรอยผิดปกติ

สาเหตุจากโรคมะเร็งระบบสืบพันธุ์ 

เลือดออกทางช่องคลอด ที่มีสาเหตุมาจากโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งช่องคลอด มักพบบ่อยในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน แต่ผู้หญิงอายุน้อยก็อาจเป็นได้เช่นกัน การตรวจภายในและอัลตราซาวด์เป็นประจำ จะช่วยให้ตรวจพบโรคได้เร็ว เพิ่มโอกาสรักษาหายครับ 


การตรวจวินิจฉัยภาวะเลือดออกทางช่องคลอดมีขั้นตอนอะไรบ้าง?

การตรวจวินิจฉัยภาวะเลือดออกทางช่องคลอด แพทย์จะมีขั้นตอนในการตรวจ ดังนี้

  • ซักประวัติและตรวจร่างกาย : แพทย์จะสอบถามประวัติอย่างละเอียด เช่น รอบเดือนมาสม่ำเสมอหรือไม่ ปริมาณเลือดที่ออกมากน้อยเพียงใด ลักษณะของเลือดเป็นอย่างไร (อาทิ เลือดออกทางช่องคลอด สีแดงสดไม่เจ็บ หรือมีก้อนเลือดปนออกมาจากช่องคลอด) ประวัติการคุมกำเนิด รวมถึงอาการร่วมอื่น ๆ เพื่อประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น
  • ตรวจภายใน : เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยค้นหาความผิดปกติบริเวณปากมดลูกและภายในช่องคลอด เช่น การอักเสบหรือแผล เป็นต้น แต่หลายคนมักกังวลว่าตรวจภายในเจ็บไหม? โดยทั่วไป อาจรู้สึกตึง ๆ หน่วง ๆ เล็กน้อยระหว่างการตรวจ แต่ไม่ได้เจ็บหรือน่ากลัวอย่างที่คิดครับ
  • อัลตราซาวนด์ (Ultrasound) : ใช้ตรวจดูรอยโรคภายในโพรงมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูก รังไข่ เนื้องอก หรือก้อนผิดปกติ สามารถช่วยระบุสาเหตุเลือดออกทางช่องคลอดได้ชัดเจนมากขึ้น
  • ตรวจเลือด/ฮอร์โมน : เจาะเลือดเพื่อดูความเข้มข้นของเม็ดเลือดว่ามีภาวะซีดจากการเสียเลือดหรือไม่ ตรวจการตั้งครรภ์ และตรวจระดับฮอร์โมนต่าง ๆ เช่น ไทรอยด์ หรือฮอร์โมนเพศ เพื่อหาสาเหตุจากภาวะ PCOS หรือความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อ
  • การตัดชิ้นเนื้อ (กรณีจำเป็น) : ใช้ในกรณีสงสัยมะเร็งหรือภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว

วิธีการรักษาภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด

แนวทางการรักษาเลือดออกทางช่องคลอด ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ตรวจพบ และความรุนแรงของอาการ ซึ่งวิธีรักษาหลัก ๆ สามารถแบ่งได้ ดังนี้

การรักษาเฉพาะตามสาเหตุ

  • การใช้ยาฮอร์โมน : เพื่อปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย ช่วยลดอาการเลือดออกทางช่องคลอดและทำให้เลือดหยุด 
  • ยาปฏิชีวนะ : ใช้ในกรณีที่มีการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในเทียม ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีเลือดออกทางช่องคลอด
  •  ร่วมกับอาการผิดปกติอื่น ๆ 

วิธีรักษาเฉพาะทาง

  • การขูดมดลูก (Dilation and Curettage – D&C) : กรณีที่รักษาโดยการใช้ยาแล้วเลือดยังไม่หยุด แพทย์จะแนะนำให้รักษาโดยการขูดมดลูกครับเพื่อช่วยให้เลือดหยุด และสามารถนำชิ้นเนื้อไปตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุได้
  • การผ่าตัด (Surgery) : กรณีพบเนื้องอกมดลูกขนาดใหญ่ อาจต้องผ่าตัดเลาะเนื้องอก (Myomectomy) หรือผ่าตัดมดลูกออก (Hysterectomy) หากจำเป็น

การรักษามะเร็งระบบสืบพันธุ์

หากอาการเลือดออกทางช่องคลอด มีสาเหตุมาจากมะเร็ง เช่น มะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer) หรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก (Endometrial Cancer) การรักษาจะประกอบด้วยการผ่าตัด การฉายแสง และเคมีบำบัด ตามระยะของโรค โดยมีแนวทางหลักดังนี้

  • การผ่าตัด (Surgery) : โดยแพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดเพียงส่วนที่พบเซลล์มะเร็ง หรือผ่าตัดเอามดลูก รังไข่ หรืออวัยวะอื่น ๆ ในอุ้งเชิงกรานออกร่วมด้วย เพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งให้หมดจด ป้องกันการลุกลามและลดโอกาสเกิดซ้ำ
  • รังสีรักษา (Radiation Therapy) : เป็นการใช้รังสีพลังงานสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง มักใช้ร่วมกับการทำเคมีบำบัดหลังผ่าตัด
  • เคมีบำบัด (Chemotherapy) : การให้ยาต้านมะเร็ง (คีโม) เข้าสู่กระแสเลือดเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่อาจหลุดรอดหรือแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น มักใช้ในมะเร็งระยะลุกลาม หรือใช้ควบคู่กับการฉายแสงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา
  • ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) และภูมิคุ้มกันบำบัด : เป็นนวัตกรรมการรักษาทางเลือกใหม่ที่ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง หรือกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายให้ต่อสู้กับมะเร็ง ช่วยลดผลข้างเคียงต่อเซลล์ปกติ และใช้ในผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อการรักษาแบบเดิมได้ไม่ดี

วิธีป้องกันและการดูแลตัวเองระยะยาว

  • การสังเกตวงรอบประจำเดือน – ควรจดบันทึกประจำเดือนทุกเดือน ทั้งวันมา วันหมด และปริมาณเลือด หากพบว่ามีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดที่ลักษณะไม่ใช่ประจำเดือนปกติ หรือรอบเดือนขาดหาย ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ
  • การตรวจภายในและอัลตราซาวนด์ประจำปี – ควรเข้ารับการตรวจภายใน ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap Smear / HPV DNA Test) และอัลตราซาวนด์มดลูกรังไข่เป็นประจำ หรือตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อตรวจหาความผิดปกติแต่เนิ่นๆครับ
  • ปัจจัยเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง – เช่น ควบคุมน้ำหนัก ลดความเครียด มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย และไม่สวนล้างช่องคลอด เพื่อลดโอกาสในการเกิดโรคที่เป็นสาเหตุของเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดครับ

เลือดออกทางช่องคลอด อย่านิ่งนอนใจ รีบเข้ารับการตรวจรักษาอย่างทันท่วงที

เลือดออกทางช่องคลอด แม้เพียงเล็กน้อย เช่น มีเลือดออกจากช่องคลอดนิดเดียว ก็อาจเป็นสัญญาณความผิดปกติได้เสมอ การเข้ารับการตรวจตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้รักษาได้ทันเวลา ลดความเสี่ยงโรคร้าย เช่น มะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้ครับ

หากมีอาการเลือดออกทางช่องคลอดธนวรรธน์ คลินิก พร้อมให้บริการตรวจภายใน ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางสูตินรีเวชผู้มีประสบการณ์ มีเครื่องมือทันสมัย ครบครัน บรรยากาศเป็นส่วนตัว ช่วยดูแลรักษาทุกปัญหาสุขภาพสตรีอย่างมีประสิทธิภาพ

สนใจสอบถามรายละเอียดหรือนัดหมายปรึกษาแพทย์ได้ที่

  • Facebook : Thanawat Clinic
  • Line : @thanawatclinic
  • Tel : สาขาห้วยขวาง-รัชดา 095-056-6446
  • Tel : สาขาศรีนครินทร์ 095-556-9874

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

เลือดออกทางช่องคลอด สีน้ำตาล ปริมาณไม่มาก หมายถึงอะไร?

เลือดสีน้ำตาลมักเป็นเลือดตกค้างจากประจำเดือน แต่หากมีเลือดออกทางช่องคลอด สีน้ำตาลต่อเนื่อง ควรตรวจภายในเพื่อหาสาเหตุ

มีเพศสัมพันธ์แล้วมีเลือดออก อันตรายไหม ต้องทำอย่างไร?

อาการมีเลือดออกจากช่องคลอด แต่ไม่ใช่ประจําเดือนหลังมีเพศสัมพันธ์ (Postcoital bleeding) ถือว่าผิดปกติ อาจเกิดจากปากมดลูกอักเสบ ติ่งเนื้อ หรือเสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูก ควรรีบตรวจภายในทันที ไม่ควรรอ

อาการประจําเดือนตกค้างมีอะไรบ้าง

มักมีอาการเลือดออกทางช่องคลอด กะปริบกะปรอย สีคล้ำหรือสีน้ำตาลเข้มช่วงหลังหมดรอบเดือนไปแล้ว 1-2 วัน ไม่อันตราย แต่หากมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น คัน หรือตกขาวผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ 


References

Vaginal Bleeding. (2022, October 9). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/symptoms/17899-vaginal-bleeding

Mayo Clinic Staff. (2023, May 2). Vaginal bleeding. Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/symptoms/vaginal-bleeding/basics/causes/sym-20050756

Vaginal bleeding between periods or after sex. (2024, August 13). NHS. https://www.nhs.uk/symptoms/vaginal-bleeding-between-periods-or-after-sex/

เราให้ความสำคัญถึงความเป็นส่วนตัวของคุณ ข้อมูลของคุณจะถูกเก็บเพื่อใช้ในบริการทางการแพทย์ของคลินิกเท่านั้น โปรดกดปุ่ม accept เพื่อยอมรับเงื่อนไขตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ PDPA